การแสดงออกของประติมากรรมตกแต่งของไทย
เนื่องจากศิลปวัตถุและศิลปะสถานของไทยแบบดั้งเดิมมีการพัฒนา มีวิวัฒนาการดำเนินสร่งมานานนับศตวรรษ จึงสามารถแสดงคุณค่าและลักษณะพิเศษที่เป็นแบบฉบับและเอกลักษณ์ที่เป็นของตนเอง ศิลปกรรมทุกชนิดมีความละเอียดประณีตบรรจง เป็นศิลปะแบบอุดมคติ มีความรู้สึกทางความงามเหนือธรรมชาติช่างไทยโบราณมีฝีมือ ความคิด ความชำนาญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมรการกำหนดส่วนสัดของช่องไฟ โดยเฉพาะการตกแต่งลวดลาย ซึ่งนอกจากจะมีความงามแห่งเอกลักษณ์ของไทยแก่ศิลปวัตถุและศิลปะสถานเหล่านั้นแล้ว ยังมีหน้าที่และประโยชน์ใช้สอยด้านตกแต่งเพื่อเป็นประโยชน์ ใช้สอยด้านตกแต่งเพื่อเป็นประติมากรรมตกแต่งสะท้อนความเชื่อและประติมากรรมแบบเล่าเรื่องอีกด้วย
1. ประติมากรรมลวดลาย
ประติมากรรมลวดลายของไทยที่ปรากฏแสดงให้เห็นเจตนาอันบริสุทธิ์ ความคิดริเริ่มที่มีแบบอย่างที่เป็นของตนเอง ลวดลายทั้งหลายจะแสดงคุณค่าความรู้สึกในเชื้อชาติและแสดงความเป็นไทยอย่างชัดเจน ลวดลายเหล่านี้มีเส้นสลับซับซ้อน ตัวลาย ทรงลาย ช่อลาย หรือถ้ามีเถา ลายมีความคดโค้งอ้อนช้อยสัมพันธ์ซึ่งการสร้างอารมณ์อ่อนไหวละมุนละไม ที่สำคัญคือการสะบัดเรียวแหลมของยอดกระหนกแต่ละตัวจะไม่แข็งกระด้าง ด้วนกุด และดูไม่ตายแต่เคลื่อนไหวพลิกพลิ้ว การสร้างลวดลายกระหนกทุกเส้น ทุกตัว ทุกทรง และทุกช่อประสานสัมพันธ์กันทั้งในส่วนละเอียด ส่วนย่อย และส่วนใหญ่ ไม่มีการหักงอหรือแข็งกระด้าง ไม่ว่าส่วนไหนก็ตาม
ลวดลายส่วนใหญ่ของไทยได้รับความบันดาลใจจากสิ่งแวดล้อม จากธรรมชาติทั้งพืช สัตว์ และสิ่งอื่นๆ และมีการสร้างสรรค์มานานก่อนสมัยทราวดี ลวดลายสมัยแรกๆ เลียนแบบอย่างจากธรรมชาติ เช่นลายใบไม้ ลายพฤกษาต่างๆ ต่อมากได้คลี่คลายมาเป็นลวดลายที่เป็นแบบประดิษฐ์มีระเบียบแบบแผนมากขึ้น โดยเฉพาะตอนปลายสมันอยุธยาและต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ลวดลายจึงมีหลายประเภทและมีชื่อเรียกที่ยังแสดงให้เห็นถึงที่มาจากความบันดาลใจเหล่านั้น เช่น ลายเครือเถา ลายก้านแย่ง ลายตาอ่อย ลายก้ามปู ลายกาบพรหมศร เป็นต้น
ลักษณะลวดลายของประติมากรรมไทยได้แบบอย่างจากธรรมชาติ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
เถาไม้ เป็น ลายเครือเถาไขว้
รวง เป็น ลายรวงข้าว
กอ เป็น ลายกอ
ก้าน เป็น ลายก้านขด ลายก้านแย่ง
ตา เป็น ลายตาอ้อย
ผล เป็น ลายลูกฟัก
ใบ เป็น ลายใบเทศ ลายผักกูด
กาบ เป็น ลายกาบกระหนกรัตน์ ลายกาบไผ่ ลายกาบพรหมศร ลายกาบ
พรหมสิงห์
ดอก เป็น ลายบัวต่างๆ ลายรักร้อยต่างๆ ลายดอกไม้ร่วง ลายดอกพุดตาน
ลายดอกลำดวน ลายดอกจอก ลายดอกมะม่วงหิมพานต์
สัตว์น้ำ เป็น ลายฟันปลา ลายก้ามปู ลายหอยจับหลัก
สัตว์ปีก เป็น ลายนกคาบ ลายผีเสื้อ ลายค้างคาว ลายสาหร่ายรวงผึ้ง
สัตว์บก เป็น ลายหน้าขบ ลายหน้าสิงห์ ลายช่อหางโต ลายหูช้าง
ลวดลายเหล่านี้มีอยู่เป็นจำนวนมากจนจัดเป็นศาสตร์ที่ถูกกำหนดให้เป็นแบบแผนพอสมควร และช่างไทยทั้งหลายต้องศึกษาจนเข้าใจชีวิตของลวดลายเล่านี้ จนสาสมารถพัฒนาประยุกต์การใช้ลวดลายให้เหมาะสมกับพื้นที่และประโยชน์ใช้สอยตามประเภทของประติมากรรมไทยจะมีทั้งขุดแกะด้วยไม้ ปั้นหล่อด้วยโลหะ ปั้นด้วยปูน ประดับด้วยการลงสี ลงรักปิดทอง ประดับมุก ประดับกระเบื้อง ประดับกระจกหุง หรือสลักดุนนูนด้วยโลหะ หนฃรือลายนำ ลายมาใช้จึงต้องสัมพันธ์กันด้วยตัววัสดุ กลวิธี และเทคนิควิธีการสร้างงานประติมากรรม รวมทั้งพื้นที่และวัตถุประสงค์ออกของศิลปกรรมเหล่านั้นด้วย
การออกแบบลวดลายเพื่อใช้ในงานประติมากรรมของช่างไทยจะออกแบบต่างๆ กัน ตามวัสดุที่ใช้ทำลวดลายเป็นหิน ปูน หรือดินเผา การออกแบบลายก็จะมีเส้นหยาบ ทึบ ป้อม มิให้ลวดลายชูยอดไปจากพื้นมากนัก เพราะต้องช่วยรับน้ำหนักตัวเอง มิฉะนั้นจะแตกหักง่าย ถ้าเป็นปูนหรือดินเผาที่เป็นวัสดุละเอียดกว่าหิน เมื่อยังอ่อนตัวอยู่จะตกแต่งเป็นลายได้สะดวก มีน้ำหนักเบากว่า แต่การชูดอกของลายไม่ควรสูงจากพื้นเช่นกัน เพราแตกหักงาย แต่ถ้าเป็นการปั้นดินเพื่อไปหล่อโลหะ การออกแบบลายจะละเอียดกว่าการปั้นดิน และนำไปเผาธรรมดา และถ้าวัสดุที่สร้างศิลปกรรมนั้นเป็นไม้ ลวดลายจะเริ่มมีความละเอียดอ่อนหวาน สะโอดสะองมากขึ้น เพราะไม้เป็นวัสดุเนื้ออ่อน จำหลักง่าย น้ำหนักเบา ตัวลายยื่นออกมา จากพื้นได้มาก อีกทั้งยังสามารถซ้อนกันได้หลายชั้น
ช่างไทยทั้งหลายมีความชำนาญในการใช้วัสดุต่างๆ ดังกล่าวซึ่งมีอย่างอุดมสมบูรณ์ในพื้นถิ่นของไทย และเลือกสรรวัสดุเหล่านั้นมาสร้างงานประติมากรรมช้านานแล้ว จนสามารถเข้าใจถึงธรรมชาติของวัสดุเหล่านั้น เป็นอันดีจนเข้าใจในการเลือกกลวิธี เทคนิควิธรใช้วัสดุเหล่านั้นเพื่อผสมผสานส่งเสริมศิลปกรรมให้แสดงอารมณ์คุณค่า ความรู้สึกตามที่ช่างไทยปรารถนา การมีวัสดุใช้ในการสร้างศิลปกรรมอย่างอุดมสมบูรณ์ในพื้นถิ่นของไทย ทำให้สามารถสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องพะวงถึงความไม่พอใจหรือประหยัดจนเกิดไป มีส่วนทำให้ลวดลายของไทยมีความละเอียดประณีต วิจิตรอลังการ แสดงความอุดมสมบูรณ์ในการใช้ลวดลายประดับในทุกส่วนของศิลปกรรมและศิลปะสถานของไทย
2. ประติมากรรมตกแต่งสะท้อนความเชื่อ
การประดับตกแต่งบริเวณฐานของสถาปัตยกรรมหรือศิลปวัตถุทางศาสนา เช่น โบสถ์ วิหาร เจดีย์ พระปรางค์ บุษบก ธรรมาสน์ หรือประสาทราชมณเฑียร หรือปราสาทราชมณเฑียร พระที่นั่งของพระมหากษัตริย์ นอกจากจะตกแต่งให้ศิลปวัตถุเหล่านั้นมีความวิจิตรบรรจงละเอียดประณีตแล้ว ยังแสดงออกถึงความเชื่อเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่ยึดถือคติไตรภูมิ เปรียบเป็นการจำลองรูปจักรวาลทางพุทธศาสนาลดหลั่นสูงต่ำ ความสำคัญของฐานแห่งชั้นต่างๆ ดังนี้ คือ
2.1 พื้นที่รองรับศิลปสถานนั้น ตั้งอยู่เปรียบเสมือนเป็นมนุษย์ภูมิโดยเฉพาะชมพูทวีป อันเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ทั้งหลายนี้
2.2 ฐานชั้นล่างสุดของศิลปะวัตถุหรือศิลปสถาน มักเป็นกรดานสลักลาดลายรอยรับฐานสิงห์ บัวหลังสิงห์ อันแปลงมาจากสิงห์ล้อม ถ้าเป็นฐานศิลปกรรมประเภทบุษบกหรือฐานอาคารสำคัญของชาติ บางทีจะจำหลักเป็นรูปสิงห์แบกล้อมรอบฐาน ณ ตำแหน่งนี้เป็นสัญลักษณ์ถือว่าเป็นแดนมนุษย์ที่สงัด สงบ เบาจากกิเลสตัณหา เป็นที่อยู่แห่งสิงสาราสัตว์ในวรรณคดีทั้งหลาย และมนุษย์ที่อยู่ในเพศอันบริสุทธิ์ ได้แก่ ฤาษีชีไพร นักบวช อมนุษย์ เช่น พวกนักสิทธิวิทยาธร
2.3 สูงจากฐานสิงห์เหนือบัวหลังสิงห์มักจะเป็นฐานเชิงบาตร 2 ชั้น มีลักษณะดังนี้
1. ฐานเชิงบาตรรชั้นล่าง ถ้าเป็นฐานศิลปกรรมหรือศิลปสถานที่สำคัญของชาติ เช่น พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงห์ทอดเหนือพระราชบัลลังก์ หรือพระแท่นพระราชบัลลังก์มหาเศวตฉัตร ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย หรือฐานพระอุโบสภวัดพระศรีรัตนศาสดารามจะใส่ประติมากรรมรูปครุฑยุดนาคเต็มตัวตั้งรายรอบศิลปกรรมเหล่านั้น ถ้าเป็นศิลปกรรมที่มีความสำคัญรองลงมาหรือฐานโบสถ์ วิหารวัดธรรมดาสามัญทั่วไปส่วนนี้ของศิลปะวัตถุหรือศิลปสถานเหล่านั้นจะเป็นเส้นกลมเล็ก ๆ รัดท้องไม้แล่นไปตลอดศิลปกรรม ถ้ามนกลมเรียกว่า “รัดอกลูกแก้ว” ถ้าสันแหลมเรียกว่า “รัดเอวอกไก่” และมักใส่ลวดลายรัดร้อยไปโดยตลอด การใช้ครุฑหรือรัดอกลูกแก้วหรือรัดเอวอกไก่นี้เป็นสัญลักษณ์ให้ความหมายถึงแดนครุฑที่มีที่อยู่เชิงพระสุเมรถ อันเป็นตำแหน่งที่เริ่มใกล้ศูนย์กลางของจักรวาลตามคติไตรภูมิ เพราะตามตำนานกล่าวได้ว่าครุฑมีที่อยู่ที่ป่างิ้วในสระชื่อ สิมพลี สระนี้อยู่ตีนเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาลตามคติไตรภูมิ
2 ) ฐานเชิงมาตรชั้นบน ถ้าเป็นฐานศิลปกรรมหรือศิลปะสถานที่สำคัญของชาติ มักจะใส่ประติมากรรมรูปเทวดานั่งคุกเข่าพนมมือ ติดตั้งรายรอบศิลปกรรมเหล่านั้นเช่นกัน หากเป็นศิลปกรรมที่มีความสำคัญรองลงมา ช่างจะประยุกต์รูปแบบเทวดาให้คล้อยตามไปกับส่วนประกอบอื่น ๆ ของศิลปะวัตถุ โดยทำเป็นรูปกระจังเจิงหรือกระจังปฏิญาณ ตรงกลางายเป็นรูปเทพนม หรือถ้าเป็นโบสถ์หรือธรรมาสน์วัดสามัญธรรมดาก็จะประดับด้วยกระจังธรรมดา รูปเทวดาที่นั่งพนมมือ รูปกระจังปฏิญาณ กระจังเจิม หรือกระจังธรรมดาที่ติดเหนือฐานชิ้นนี้ เป็นรูปสัญลักษณ์ที่ให้ความหมายถึงเทวดาในสวรรค์ชั้นแรก คือ สวรรค์ชั้นจาตะมหาราชิกเหนือยอดเขยุคนธร เป็นเขาที่ตั้งล้อมเขาพระสุเมรุเป็นชั้นแรก และเทวดาในชั้นนี้คือท้าวจุติโลกบาลทั้ง 4 พร้อมบริวารที่ปกปักรักษาทิศต่าง ๆ ของจักรวาลตามคติไตรภูมิ ประติมากรรมตกแต่สะท้อนความเชื่อ – ลายเอียดฐานเช บางตรชั้นบน ฐานเชิงบาตรชั้นบนพระทับภาพเทวดานั่งคุกเข่าพนมมือ สัญลักษณ์ให้ความหมายถึงเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกเหนือยอดเขายุคนธร ประติมากรรมที่ฐานพระมณฑป วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพ ฯ ศิลปรัตนโกสินทร์
2.4 เหนือจากชั้นเชิงบาตรขึ้นไป ถ้าเป็นโบสถ์วิหารจะเป็นที่ประดิษฐานแห่งองค์พระพุทธรูป ถ้าเป็นบุษบก บัลลังก์ พระที่นั่งจะเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ เป็นพระธาตุซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงเครื่องหมายแห่งยอดเขาพระสุเมรุ อันเป็นที่ประทับแห่งองค์อัมรินทร์ที่ประดิษฐานแห่งเจดีย์จุฬามีอันบรรจุพระเกษศมาลา พระธาตุเขี้ยวแก้วของพระพุทธองค์ และยอดเขาพระสุเมรุนี้เป็นแกนกลางของจักรวาลคติไตรภูมิ
3. ประติมากรรมแบบเล่าเรื่อง
ประติมากรรมแบบเล่าเรื่องเป็นประติมากรรมเทคนิคปูนปั้นหรือแกะสลักเป็นภาพนูนสูงและนูนต่ำลงบนส่วนผัง หรือหน้าบ้านของอาคาร โดยแสดงเรื่องราวศาสนาเกี่ยวกับพุทธประวัติหรือทศชาติ โดยประติมากรรมจะเลือกเรื่องหรือตอนที่สำคัญ ๆ นำมาแสดงโดยจะปั้นภาพแต่ละกลุ่มด้วยตัวเองของเรื่อง เช่น พระพุทธองค์หรือโพธิสัตว์ในพระชาติต่าง ๆ เป็นประธานหรือเป็นหลักขององค์ประกอบและมีตัวประกอบอื่น ๆ เช่น เทวดา พระญาติพระวงศ์ของพระพุทธเจ้า ตามแนวเรื่องที่ต้องการเพียงไม่กี่รูปทรง อาจมีสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องประดับ หรือส่วนของอาคารปราสาทราชมณเฑียรเป็นฉากหลังของภาพ หรือมีโขดเขา ต้นไม้ สายน้ำ หรือสัตว์ ต่าง ๆ แทรกอยู่ตามสมควร
น่าพิศวงที่การจัดภาพเพียงน้อยนี้ทำให้ผู้ดูสามารถทราบเรื่องราวพุทธประวัติหรือทศชาติตอนนั้นโดยสมบูรณ์ คล้ายได้อ่านวรรณคดีหรือชาดกแจ่มแจ้งและเข้าใจ และสืบเนื่องจากประติมากรรมไม่มีสี รูปทรงอาจจะแสดงลึกตื้น ใกล้ไกลได้โดยประติมากรจะลดหรือเพิ่มขนาด ความนูนสูงต่ำของรูปทรงในผนังภาพ เพื่อให้เกิดระยะในความรู้สึกได้ เช่น ภาพปูนปั้นปางรูปพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระลักษณะขององค์พระพุทธรูปเป็นภาพที่มีความนูนสูงกว่าและมีขนาดใหญ่กว่าทุกรูปที่ปรากฏในช่องภาพ เป็นพระพุทธรูปปางลีลา แม้พระเศียรจะถูกกะเทาะตัดออกไป แต่ลีลาของเส้น ความนูนโค้งของปริมาตรในรูปทรงสร้างอารมณ์ความมีชีวิตอย่างเด่นชัด จนได้รับยกย่องโดยทั่วไปว่าเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นนูนสูงที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง ภาพพระพุทธองค์นั้นเคลื่อนองค์อยู่บนรัตนโสปานะ ( บันไดแก้ว ) แวดล้อมด้วยภาพอินทร์ พระพรหมที่ขนาดรูปร่างเล็กกว่าภาพนูนต่อกว่า ทำให้รู้สึกระยะไกลใกล้ขึ้นในภพ
นอกจากภาพพุทธประวัติปูนปั้นสมัยสุโขทัยที่วัดตะพังทองหลางที่กล่าวมาแล้วยังมีภาพประติกรรมเล่าเรื่องที่สำคัญและสวยงามอีกคือ ภาพปูนปั้นเรื่องทศชาติประดับผนังหุ้มกลองหน้าด้าน และภาพปูปนพุทธประวัติประดับผนังหุ้มกลองด้านหลังพระวิหารวัดไลย์ จังหวัดลพบุรี และภาพปูนปั้นพุทธประวัติประดับผนังนอกของพระเมรุ พระระเบียงคด รอบพระพุทธปรางค์วัด
พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเป็นศิลปะสมัยอยุธยา หรือประติมากรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ รอบพระวิหารพระพุทธบาทวัดบางกระพร้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และประติมากรรมปูนปั้นเรื่องพุทธประวัติ ศาลาเปรียญวัดทองนพคุณ กรุงเทพมหานคร เป็นประติมากรรมสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีภาพประติมากรรมเล่าเรื่องวรรณคดี เช่น ประติมากรรมแกะสลักหินอ่อนนูนต่ำเรื่องรามเกียรติประดับผนังพระอุโบสถวัดพระเชตุพน ฯ กรุงเทพมหานคร จำนวน 145 ภาพ ใน 145 ช่อง เป็นต้น
วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น